บ้านใหม่ สอนการทำงานกับคอนกรีต

ดูวิธีการทำงานกับคอนกรีต






คอนกรีตมีความสำคัญมากสำหรับการสร้างบ้านใหม่ในปัจจุบัน แล้วกว่าจะได้มาซึ่งคอนกรีตที่มีความแข็งแรงทนทานมีรายละเอียดและขั้นตอนที่สำคัญๆ ดังต่อไปนี้ด้วย




มีส่วนผสมคอนกรีต ในการเลือกส่วนผสมเพื่อนำมาผสมเป็นคอนกรีต มีหลักการดังต่อนี้









1.ปูนซีเมนต์ ควรจะเลือกปูนซีเมนต์ที่มีมาตรฐานและเหมาะสมกับประเภทการใช้งานด้วย ตัวอย่างเช่น การงานโครงสร้างให้เลือกปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ สำหรับงานก่อ-ฉาบให้เลือกปูนซีเมนต์สำหรับไว้ก่อ ฉาบ เท เท่านั้นด้วย








2.มีหิน โดยการทั่วไปถ้าเป็นไปได้ควรเลือกใช้ชนิดหินที่หาได้ง่ายอีกด้วย เช่น หินปูน โดยที่เม็ดหินจะต้องแข็งแกร่ง ไม่มีหินผุ มีเจือปน มีขนาดพอเหมาะด้วย มีเหลี่ยมคมดี หินก็จะต้องสะอาด และไม่มีเศษดินหรือฝุ่นผง เจือปนมากเกินไป








3.ทราย ควรที่จะเลือกใช้ทรายแม่น้ำหรือทรายบก ที่มีขนาดก็พอเหมาะ และขนาดเม็ดทรายไม่ละเอียดหรือหยาบจนเกินไป ทรายจะต้องสะอาด ซึ่งไม่มีเศษดินหรือฝุ่นผง ไม่เจือปนมากเกินไป แล้วห้ามใช้ทรายจากทะเล ชายหาด น้ำเค็ม น้ำกร่อย โดยเด็ดขาดนะ เพราะว่าจะทำให้เหล็กเสริมในโครงสร้างคอนกรีตเป็นสนิมได้ครับ








4.สำหรับน้ำ ก็ให้ใช้น้ำที่มีความสะอาด อาจจะเป็นน้ำประปาหรือน้ำบาดาลก็ได้ แต่ให้หลีกเลี่ยงน้ำกร่อยและน้ำทะเลโดยเด็ดขาด เพราะว่าจะทำให้เหล็กเป็นสนิมครับ











สำหรับการผสมคอนกรีต ในปัจจุบันแม้ว่าเรามักจะเลือกใช้วิธีการก็สั่งคอนกรีตผสมเสร็จจากโรงงานผสมคอนกรีต ซึ่งมีมาตรฐานในการผสมคอนกรีตด้ว แต่ว่าในบางครั้งก็อาจจำเป็นต้องทำการผสมเองด้วยมือหรือโม่ผสมคอนกรีตครับ







1.การผสมคอนกรีตด้วยมือ ให้ผสมปูนกับทรายให้เข้าด้วยกัน ผสมหิน แล้วจากนั้นจึงเติมน้ำแล้วคลุกให้เข้ากัน และต้องใช้ให้หมดภายใน 30 นาทีครับ ซึ่งคอนกรีตที่ได้จากการผสมด้วยมือมักจะมีคุณภาพไม่สม่ำเสมอด้วย จึงไม่เหมาะที่จะนำไปใช้กับงานโครงสร้างขนาดกลางและขนาดใหญ่ครับ

2.การผสมคอนกรีตด้วยโม่ขนาดเล็ก ก็ให้เปิดโม่ ใส่หิน ทราย ปูน น้ำ เป็นลำดับ แล้วตามอัตราส่วนที่ระบุไว้ที่ข้างถุงปูน ถ้าต้องการผสมน้ำยาคอนกรีต ก็ให้นำน้ำยาคอนกรีตผสมลงในน้ำก่อน จึงค่อยนำไปเทลงในโม่ คุณภาพของคอนกรีตที่ได้จากการผสมไว้ด้วยโม่จะดีกว่าการผสมด้วยมือ แล้วสามารถใช้กับงานโครงสร้างได้ แต่ก็ต้องรีบใช้ให้หมดภายใน 30 นาทีเช่นกันครับ














โครงการบ้านใหม่ สำหรับการผสมด้วยโม่ขนาดเล็ก




การเทคอนกรีต ที่ถูกวิธี ควรจะเทคอนกรีตในแนวดิ่งให้ใกล้กับจุดที่ต้องการเทมากที่สุด โดยที่ไม่ควรที่จะเทสูงจากพื้นเกิน 1.5 เมตร และไม่ควรที่จะทำให้คอนกรีตไหลในแนวราบเพราะว่าจะทำให้หินแยกตัวออกจากเนื้อคอนกรีต ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้คอนกรีตในจุดที่ไม่มีหินไม่มีความแข็งแรงเท่าที่ควรครับ
















การอัดแน่นคอนกรีต ก็คือการไล่ฟองอากาศออกจากเนื้อคอนกรีต เพื่อจะให้เนื้อคอนกรีตแน่นหนามากขึ้น การอัดแน่นคอนกรีตด้วยวิธีการใช้เหล็กกระทุ้งหรือใช้ค้อนในการเคาะที่ข้างไม้แบบ ถ้าหากไม่มีความชำนาญหรือไม่ถูกวิธีจะทำให้หินแยกตัวลงไปกองอยู่ที่บริเวณด้านล่างของไม้แบบ บ้านใหม่พร้อมอยู่ ซึ่งจะทำให้คอนกรีตด้านบนมีความแข็งแรงลดลง ดังนั้นแล้วการอัดแน่นคอนกรีตที่ดีที่สุดคือการใช้เครื่องจี้เขย่าคอนกรีต ซึ่งจะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าการอัดแน่นคอนกรีตด้วยมือครับ


การแต่งผิวหน้าคอนกรีต ก็ทำเพื่อปรับผิวคอนกรีตให้เหมาะสมกับงานหลังจากคอนกรีตก่อตัวแล้วด้วย การแต่งผิวควรทิ้งเวลาสักระยะหรือรอจนกว่าสังเกตไม่พบน้ำปูนบนผิวคอนกรีตจึงค่อยลงมือแต่งผิว ถ้าหากแต่งผิวเร็วหรือช้าเกินไปก็อาจจะส่งผลให้ผิวคอนกรีตเกิดการแตกราวไปได้เช่นเดียวกัน


การบ่มคอนกรีต คือได้การป้องกันไม่ให้น้ำในคอนกรีตระเหยออกจากเนื้อคอนกรีตเร็วเกินไป โดยเฉพาะสำหรับในช่วง 2–3 วันแรกหลังจากการเทคอนกรีต การบ่มคอนกรีตจะใช้ระยะเวลาอย่างน้อยก็ประมาณ 7 วัน ให้ทำการบ่มสามารถเลือกใช้วิธีการอย่างเช่น การสเปรย์น้ำ การขังน้ำ หรือไม่ก็การใช้วัสดุเปียกคลุมผิวคอนกรีต ตามความเหมาะสม ตามแต่ละสภาพพื้นที่ของการทำงานครับ