highlight

6/recent/ticker-posts

Ad Code

Responsive Advertisement

เยือนบ้านใหม่กูเกิลประเทศไทย ทำไมบริษัทนี้ถึงน่าทำงานที่สุดในโลก


เข้าสู่เยือนบ้านใหม่กูเกิลของ ประเทศไทย ว่าทำไมบริษัทนี้ถึงน่าทำงานที่สุดในโลก










ถึงแม้จะเปิดออฟฟิศกูเกิล ใน ประเทศไทย ไปได้สักพักกันแล้ว แต่ในองค์กรระดับแนวหน้าแบบนี้ ก็ยังมีคนสนใจหิวจักที่ไปเยี่ยมชม เข้ารวมถึงใฝ่ฝันว่ากระหายเข้าไปร่วมงานด้วยเสมอ เช่นเดียวกับคุณอู๋ @ Spin9 ที่ได้มีโอกาสเข้าไปเป็นหนึ่งในแขกคนพิเศษในการเยี่ยมชมออฟฟิศกูเกิล ของ ประเทศไทย พร้อมกับได้มาแบ่งปันเรื่องราวระหว่างการเข้าไปภายในออฟฟิศกูเกิล ประเทศไทย แล้วได้มาเล่าถึงบรรยากาศตั้งแต่ประตูทางเข้า ไปจนถึงมุมต่างๆ ภายในได้อย่างน่าสนใจ ถ้าสนใจไปเยี่ยมกูเกิล ของ ประเทศไทยด้วยกันก็ตามคุณอู๋ไปเลยค่ะ


กูเกิล นั้นได้เป็นบริษัทที่ได้รับรางวัลบริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดในโลกประจำปี 2014 มาจากนิตยสาร Fortune ซึ่งก่อนหน้านี้กูเกิลเคยติดอยู่ในลิสต์ของรางวัลนี้มาแล้วมากถึง 7 ปี ก็ซึ่งเพราะครองอันดับหนึ่งมากถึง 5 ปีเลยทีเดียว … นอกเหนือจากความเป็นผู้นำทางด้านข้อมูลไปบนโลกอินเทอร์เน็ตที่น้อยคนนักจักไม่รู้จักกูเกิลแล้ว อะไรที่ทำให้กูเกิลเป็นบริษัทที่น่าทำงานที่สุดในโลกกันนะครับ




วันนี้เป็นโอกาสดีครับ ในส่วนนี้ที่กูเกิลประเทศไทย ได้ทำการเปิดบ้านใหม่ ไม่ใช่หรือสำนักงานประจำประเทศไทยแห่งใหม่ บนชั้น 14 อาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโค่เพล็กซ์ ถ.วิทยุ/เพลินจิต แล้วให้สื่อมวลชนได้เข้าเยี่ยมอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก หลังจากที่ได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาแล้ว 3 ปีด้วย ซึ่งแล้วภายหลังที่ผมได้เยี่ยมชมแล้ว ก็ไม่แปลกใจแน่นอนๆ ว่าทำไมบริษัทนี้ มักจักได้ถูกยกให้เป็นบริษัทลำดับต้นๆ ของโลกที่น่าร่วมงานที่สุด (Best company to work for) นั้นเอง











ในก่อนหน้านี้ ผมเองมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของกูเกิลไปที่ Mountain View สหรัฐอเมริกามาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งเป็นสำนักงานที่มีให้ความเพียบพร้อมทางด้านสวัสดิการพนักงานสูงมาก มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับพนักงานของกูเกิล (Googler) แล้วอย่างครบพร้อม ซึ่งจนอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า แล้วได้สำนักงานย่อยๆ ที่มาเปิดตามประเทศต่างๆ อย่างเช่นสำนักงานประจของำประเทศไทยที่ผมจะพาไปชมวันนี้ จะมีความเพียบกับพร้อมที่อยู่ในระดับเดียวกันไม่ก็ไม่













ส่วนระเบียบของการเข้าเยี่ยมชมสำนักงานกูเกิลนั้น จะต้องลงทะเบียนเพื่อขอเรื่องรับ Badge หรือไม่ก็ป้ายแสดงตัวทุกครั้งด้วย ด้วยกันต้องติด Badge ให้อยู่ในตำแหน่งที่เก่งเห็นได้ชัดเจนตลอดเวลาที่อยู่ในสำนักงาน บน Badge จะมีวันที่ มีชื่อนามสกุลของเรา รวมไปถึงชื่อของ Googler นั้นที่ทำหน้าที่เป็น Host พิมพ์แสดงไว้เลย เพื่อจักแสดงให้เห็นว่า เราเป็น Guest ของ Googler คนไหน นั่นแปลว่า โดยบุคคลทั่วไป ที่ไม่ได้เป็นแขกของ Googler นั้น ซึ่งหมดสิทธิ์ที่จะเข้าเยี่ยมชมสำนักงานกูเกิลครับ เหรอ ทั้งนี้ ก็เพื่อความปลอดภัยทั้งในแง่ทรัพย์สิน พร้อมกับข้อมูลของบริษัท ครับ











ซึ่งภายหลังลงทะเบียนรับ Badge แล้ว ในวันนี้เจ้าบ้านอย่างคุณอริยะ พนมยงค์ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ ของกูเกิลประเทศไทย ก็กล่าวต้อนรับสื่อมวลชนด้วยข้อมูล ที่มาที่ไปด้วย กว่าจักมาเป็นกูเกิลประเทศไทยแห่งนี้ ได้ ริเริ่มจากออฟฟิศเล็กๆ ทำงานเหมือน 2-3 คน ซึ่งจนขยายมาเป็นพนักงานกูเกิลประเทศไทยมากกว่า 50 คนกว่าในปัจจุบัน ที่ต้องทำงานร่วมกับ Googler ได้ขึ้นอีกกว่า 52,000 คนในสำนักงานกูเกิลกว่า 100 แห่งทั่วโลกด้วยครับ ซึ่งรวมถึงคุณอริยะได้พูดถึงคำศัพท์ “Googley” (กู-กลี้) ไม่ก็ Googleyness แล้วว่าเป็นลักษณะนิสัยของ Googler ที่ได้มีความเป็นเอกลักษณ์ขององค์กรจนกลายเป็นศัพท์ที่ไปใช้เรียกลักษณะการทำงานของคนกูเกิลว่า นี่แหละ คือการทำงานรูปแบบ Googley













Googley เป็นนิยามรวมๆ เมื่อที่สื่อถึงวิธีการคิด ซึ่งวิธีการทำงานของคนในองค์กรกูเกิล ที่ได้เน้นทำสิ่งที่ถูกต้อง (do the right thing) ทำอย่างมั่นใจ อย่าง being proactive แล้วมองเป้าหมายเป็นหลัก (being focused) ซึ่งทำให้เกินเป้าหมายอยู่เสมอ (go for the extra mile) คิดได้นอกกรอบ ให้รางวัลกับตัวเอง ไม่ก็ ทำงานหนัก ก็ต้องให้รางวัลบ้าง ให้ความสำคัญกับเหล่า ทำงานอย่างโปร่งใส กับมีอารมณ์ขันด้วย ให้สังเกตได้จากมุกตลก ลูกเล่นต่างๆ แล้วที่กูเกิลแฝงไว้ในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง รวมถึงมุก April Fool’s ที่กูเกิลตั้งใจทำกันแบบสุดๆ ทุกปีด้วย โดยความเป็น Googley ไม่มีกรอบ แต่คนที่อยู่ในวัฒนธรรมองค์กรอย่างกูเกิล แล้ว ย่อมรู้ดีว่าอะไรคือสิ่งที่ Googler ควรทำหรือว่าไม่ควรทำอยู่เสมอๆ













ซึ่งหลังจากนั้น คุณพรทิพย์ กองชุน หรือเรียกว่า พี่อ้อ กูเกิล หรือไม่ก็ พี่อ้อถึงกับแซวตัวเองบ่อยๆ ว่าพี่อ้อนามสกุล กูเกิลด้วย หัวหน้าฝ่ายการตลาดกูเกิลประเทศไทย แล้วผู้ซึ่งทำงานอยู่กับกูเกิลมานานถึง 9 ปี หรือไม่ก็นานที่สุดในออฟฟิศของไทยเราแล้ว ได้ให้ข้อมูลไปถึงสิ่งที่กูเกิลยึดถือพร้อมทั้งปฏิบัติ พร้อมกับให้เป็นคติพจน์อย่างเป็นทางการของกูเกิลกับคำที่ว่า Don’t be Evil ซึ่งก็ถูกเสนอแนะเพราะ Paul Buchheit อดีตหัวหน้าพวกพัฒนาของ Gmail ในปี 2000 ด้วยกันได้คำนี้ถูกใช้ในหนังสือชี้ชวนการลงทุนทันทีที่ครั้งที่กูเกิลเข้าตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ไปในปี 2004 ด้วย ได้ว่ากูเกิลจักทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ ไม่เอาเปรียบผู้ใช้งาน ด้วยกันก็แน่นอนว่ารวมถึงการไม่เอาเปรียบพนักงานของตัวเองด้วย จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุว่าทำไมกูเกิลถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆครับ รวมถึงสวัสดิการต่างๆ ซึ่งให้กับพนักงานของตัวเองอย่างเต็มที่ เพราะว่ากูเกิล จะไม่ ‘evil’ กับพนักงานของตัวเองเช่นกันด้วยครับ











แล้วพี่อ้อ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าตกใจอีกว่า ปัจจุบัน เหล่าของกูเกิลประเทศไทยได้โหมโรงผลิตภัณฑ์ของกูเกิลที่ได้ปรับให้มาเข้ากับประเทศไทย หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย เสียงไทย แผนที่ไทย คำค้นหา ยูทูปไทย ให้ไปแล้วมากกว่า 100 ผลิตภัณฑ์จากคณะงานที่แข็งแกร่งของ Googler คนไทยด้วย กับ Googler จากสำนักงานต่างๆ ทั่วโลก ครับ


















แล้วจากนั้น คุณเอมี่ กุลโรจน์ปัญญา หัวหน้าฝ่ายสื่อสารองค์กรพร้อมด้วยมวลชนสัมพันธ์ด้วย อนุภูมิภาคกลุ่มน้ำโขง แล้วกูเกิล เอเชียแปซิฟิก ได้นำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมสำนักงานกูเกิลของ ประเทศไทย เพราะว่าที่ขึ้นต้นจากบริเวณล็อบบี้ ที่มีความเป็นไทยสูงมาก โดดเด่นด้วยรถตุ๊กตุ๊ก หรือ คันนี้ของจริงๆนะครับ ไม่ได้จำลองขึ้นมา และให้โลโก้ของกูเกิล ที่ได้เอาประเทศไทยเข้าไปแทนที่ตัว g ไปดูแล้วทรงพลังอย่างมาก และบอกเล่าถึงความเป็น กูเกิลประเทศไทย นั้นได้แบบไม่ต้องใช้คำบรรยายใดๆ ด้านข้างเป็นจอมอนิเตอร์ที่ได้เข้าถึงแสดงคำค้นในไทยแบบสดๆ ว่าในโอกาสนี้คนไทยกำลังค้นหาคำว่าอะไรกันอยู่บ้าง ไม่ก็ เครื่องมือนี้ชื่อว่า Google Trends ซึ่งก็คำค้นในไทยช่วงนี้ ก็ประมาณการนี้แหละครับ











ในผนังของสำนักงานของด้านหนึ่ง แล้วเป็นภาพวาดผลงานของ Candace Rose Rardon ของศิลปินนักวาดภาพเจ้าของรางวัลเชิงท่องเที่ยว วาดภาพวิถีชีวิตคนไทยในภาคต่างๆด้วย ที่ผสมผสานเอาเทคโนโลยีเข้าไปอยู่ไปในชีวิตประจำวันได้อย่างกลมกลืน และมีอารมณ์ขัน หรือ เช่นรูปเด็กขี่ควาย ด้วยกันดูวิดีโอบนแท็บเล็ตไปด้วย เป็นต้น











ในห้องประชุมในสำนักงานแห่งนี้ มีชื่อห้องเป็นชื่อไทยทั้งหมด เช่น ในห้องรัตนโกสินทร์, ห้องทองหล่อ ฯลฯ เพราะว่าใช้เทคโนโลยีของกูเกิลในการทำของ video conference แล้วเชื่อมต่อกับสำนักงานกูเกิลแห่งอื่นๆ ไปทั่วโลกด้วยมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด หรือ กูเกิลไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพในห้องประชุม เลยไม่มีรูปประกอบนะครับ ซึ่งมีห้องประชุมหลายขนาด รองรับการประชุมได้หลายระดับอีกด้วย




โต๊ะของทำงานของสำนักงานนี้ จะเป็นรูปแบบ Open ทั้งหมด แล้วไม่มีใครมีห้องทำงานส่วนตัว แม้ว่าแต่คุณอริยะ ไม่ก็พี่อ้อเอง แล้วก็นั่งทำงานในพื้นที่เปิดร่วมกับ Googler คนอื่นๆ ซึ่งโต๊ะทำงานจักแบ่งเป็น โต๊ะทำงานของพนักงานประจำ กับโซนที่เป็นโต๊ะทำงานของ Hot Desk ด้วยว่ารองรับ Googler จากประเทศอื่นด้วย ก็ทำเป็นที่จะเอาคอมพิวเตอร์ของตัวเองมาเสียบกับโต๊ะ Hot Desk ที่นี่เพื่อจะนั่งทำงานได้เลยทันที เพราะว่า Badge ของพนักงานของกูเกิลทุกคน เป็นได้ใช้เข้าสำนักงานของกูเกิลได้ทุกแห่งทั่วโลกเลยครับ











โซนพักผ่อน ให้ไปเป็นอะไรที่คนออฟฟิศน่าจะอิจมู่ลีู่เกิลมากที่สุดเลยล่ะครับ ในการทำงานที่เคร่งเครียด ก็ต้องมีการผ่อนคลาย ขึ้นต้นจากสิ่งที่ให้แสดงถึงความเป็นไทยที่สุดก็คือมีมุมนวดแผนไทย ใช่ไหม อย่างแน่แท้จังนะครับ พร้อมกับเป็นก็มุมที่ได้รับความนิยมอย่างมากด้วย ซึ่งแน่นอนๆ แล้วในมุมนวดแผนไทยนี่มีอยู่ในสำนักงานใหญ่ของกูเกิลที่ Mountain View ไปด้วยครับ ใช้หมอนวดคนไทยนี่แหละ เข้าไปให้บริการ Googler ถึงที่โน่นเลยครับ











ส่วนในมุมเนื่องด้วยนั่งพักผ่อน บวิเวณ โซฟา บีนแบ็ก อุปกรณ์ความบันเทิง ไปอย่างเครื่องเล่นเกม โต๊ะพูล ก็มีให้บริการกับพนักงานชนิดจัดเต็มอีกด้วยครับ หรือไม่คนที่ชอบออกกำลังกาย ก็มีลู่วิ่งอยู่ในออฟฟิศเลยไปด้วย ทั้งหมดนี้ ได้ไม่มีกำหนดเวลาครับ จักมาใช้กี่โมงก็ได้ แล้วจะใช้นานแค่ไหนก็ได้ ซึ่ง Googler แต่ละคนต้องมีความรับผิดชอบต่อตัวเอง เรียกว่า เวลางานเป็นงาน เวลาพักเป็นพักครับ











ส่วนของกินบ้างครับ จักต้องมีทั้งหมดสองส่วน คือส่วนที่เป็นครัวเล็กๆ หรือไม่ที่กูเกิลได้เรียกว่า Micro Kitchen โซนนี้จักเหมือนกับเป็นบาร์ กับที่มีขนมนมเนย เครื่องดื่มร้อนเย็นต่างๆ ให้กับพนักงานเดินมาหยิบได้ฟรีๆ แบบไม่อั้น ซึ่งส่วนใครถามว่าหยิบกลับบ้านได้มั้ย ก็ตอบว่าได้เลยครับ แต่ไม่ใช่ลักษณะนิสัย Googley ด้วย กับอีกส่วนหนึ่งคือห้องอาหาร ที่มีอาหารเช้า กลางวัน เย็น บริการแบบฟรีด้วยๆ เช่นกัน เพราะแต่ละวันจะมีเมนูที่แตกต่างกันไปอีกด้วย พร้อมกับมีเมนูให้เลือเลื่องกหลากหลายด้วย ซึ่งโซนนี้จักมีโต๊ะอาหารให้นั่งเป็นสัดส่วนเลย และถ้าเป็นช่วงบ่ายไปแล้วนั้น ก็จักบริการเป็น Afternoon Tea ขนมนมเนยแบบเบาๆ ซึ่งเพราะว่าทั้งสองส่วนนี้ แขกที่มาเยือน ก็ มี Badge ของ Google Guest) เก่งใช้บริการได้ฟรีเช่นกันครับ














เพราะในบริษัทที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานมหเป็นหลักแบบนี้ ก็จักต้องเผชิญกับปัญหาด้านเทคนิคของเครื่องไม้เครื่องมือในการทำงานบ้างแหละครับ เช่นคีย์บอร์ดเสีย สายชาร์จไม่แทบพอ เหรอ ไม่คอมพิวเตอร์มีปัญหาต่างๆ ทางกูเกิลก็เตรียมแก้ปัญหาไว้ด้วยมุมที่เรียกว่า Tech Stop นั้น ไว้ เพราะว่าเบิกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ไปทดแทนตัวที่ชำรุดด้วย หรือแม้กระทั่งซ่อมและตอบปัญหาทางเทคนิคให้กับพนักงานอีก ส่วนนี้ก็ให้บริการฟรีเพื่อ Googler เช่นกัน หรือว่า ถ้าต่างว่าใครคิดว่านี่แยะแล้ว ที่สำนักงานใหญ่ Mountain View ไปนี่หนักกว่าอีกมากครับ ไม่ว่าจักซักผ้าฟรี ตัดผมฟรี ซ่อมรถให้ ฯลฯ ก้เรียกได้ว่าส่วนไหนที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับพนักงานด้วย ให้อาจจักทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น กูเกิลจัดไว้ให้ครบพร้อมทุกอย่างเลยครับ











ส่วนทางสวัสดิการต่างๆ ทั้งหมดที่ว่ามา อาจจะไม่เท่าพอต่อการที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งจะไปขึ้นแท่นเป็น The Best Company to Work for ได้หรอกครับ แต่ว่าด้วยปัจจัยต่างๆ ที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นวัฒนธรรมองค์กรของกูเกิลหมด ทั้งโอกาสในการร่วมงานกับคนเก่งๆ ความท้าทายที่ไม่สิ้นสุดอีกด้วย โอกาสในการก้าวหน้าในการอาชีพการงาน ความภาคภูมิใจที่ได้ไปเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่จักมีผู้ใช้งานหลายล้านคนทั่วโลกด้วย ด้วยกันได้ปัจจัยเล็กน้อยอีกหลายอย่างมากกว่า ที่ทำให้ Google ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีผู้หิวเข้ามาร่วมงานมากที่สุดในโลกเลย สมคำร่ำลือที่กูเกิลได้รับรางวัลนี้จากสื่อหลายสำนักอย่างไม่แปลกใจเลยครับ


แล้วหลังจากได้เดินดู พร้อมทั้งมีโอกาสได้พูดคุยกับ Googler มาหลายคนที่รอบหลายปีที่สร้างผ่านมา ผมก็เชื่อว่ากูเกิล จักเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งได้อย่างยั่งยืนมากครับ มีวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นเอกลักษณ์ชัดเจนเลย ด้วยกันมีศักยภาพที่จักสร้างผลิตภัณฑ์เจ๋งๆ แล้วออกมาให้เราได้เห็นกันอีกหลากหลายอย่างต่อจากนี้ไปครับ ก็ขอแสดงความยินดีกับกูเกิลประเทศไทย เนื่องในโอกาสที่ได้บ้านใหม่อย่างสวยงามวันนี้ด้วยนะครับผม









แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น

Ad Code

Responsive Advertisement