highlight

6/recent/ticker-posts

Ad Code

Responsive Advertisement

บีทีเอส กินรวบ ผูกขาด เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว 30 ปี




บีทีเอส กินรวบ ผูกขาด เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว 30 ปี





กทม.จ้างกรุงเทพธนาคม-บีทีเอส 30 ปี เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อขยาย "หมอชิตคูคต" และ "แบริ่ง-สมุทรปราการ" รวม 31.5 กม. จ่ายปีละกว่า 1 พันล้าน แก้ปัญหา ไร้รอยต่อ ได้เตรียมเจรจาคลังกู้ 8 หมื่นล้าน ทั้งจ่ายหนี้คืน รฟม. โดยพ่วงค่าติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ ทั้งไฟฟ้าและสื่อสาร ต่อรอง จ่ายคืนปีที่ 11-30 ปลอดหนี้ 10 ปี บีทีเอส ทุ่มกว่า 1 หมื่นล้าน ซื้อรถเพิ่ม 36 ขบวน ดึงให้ผู้ผลิตทั่วโลกยื่นประมูล ทั้งจีน เกาหลี เยอรมนี ฝรั่งเศส แคนาดา และสเปน ปลายปี นำร่องไปเปิดใช้ถึงสำโรง

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามมติ คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้นเอง เห็นชอบ ให้ทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นผู้บริหารการเดินรถในโครงการรถไฟฟ้าของสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ จึงมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเจรจากับ กทม. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และทางกระทรวงการคลัง ในการบริหารจัดการทางเดินรถและเงื่อนไขทางการเงิน ในซึ่งทุกหน่วยเห็นชอบให้มีการจัดทำร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ขึ้น

ถ่ายโอนหนี้ 6 หมื่นล้านให้ กทม.

รายละเอียดของบันทึกคือ การบริหารงานก่อสร้างโยธาเป็นความรับผิดชอบของ รฟม. เมื่อ กทม.รับโครงการนี้ไปแล้วทาง กทม.ต้องการรับภาระหนี้สิน ถึงทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ และภาระผูกพันอื่น ๆ ที่ รฟม.ใช้ในการดำเนินโครงการ โดย กทม. ต้องเร่งจัดการเดินรถโดยเร็ว และหากมีการเปลี่ยนงานโยธา หรืองานอื่น ๆ สำหรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ทางกทม.ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

นอกจากนี้ยังมีการแต่งตั้งคณะกรรมการ 2 คณะ เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือ ประกอบด้วย 1.คณะกรรมการประเมินมูลค่าหนี้สิน และทรัพย์สิน ขั้นตอนทางการเงิน และด้วยงบประมาณ การทำหน้าที่ประเมินมูลค่าหนี้สินและทรัพย์สิน โดยรวมทั้งกำหนดขั้นตอนและถึงวิธีการโอนที่เกี่ยวข้องกับเงินกู้ของภาครัฐ และ 2.คณะกรรมการประสานงานด้านเทคนิคและการเดินรถ สนับสนุนให้สามารถดำเนินการ ติดตั้งและทดสอบรถไฟฟ้า

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร โดยผู้ว่าฯ กทม. ได้กล่าวว่า ให้ความร่วมมือกันครั้งนี้ถึงการเป็นมิติใหม่ โดย รฟม.เป็นผู้ก่อสร้างมอบให้ กทม. บริหารจัดการ เพื่อให้ประชาชนเดินทางสะดวก ปลอดภัย และประหยัด อีกทั้งยังเป็นโครงการที่ กทม.ได้มีระบบรถไฟฟ้านอกเขตพื้นที่เป็นครั้งแรก ต้องเจรจากับทางจังหวัดสมุทรปราการเพื่อขอใช้พื้นที่ต่อไป

ด้านการชำระหนี้กว่า 6 หมื่นล้านบาท ให้ รฟม. แยกเป็นช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต วงเงิน 39,774 ล้านบาท และช่วงแบริ่ง- สมุทรปราการ 21,086 ล้านบาท จะมีทางคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อพิจารณา ในหลักการ ไม่มีปัญหาอะไรเลย เพราะว่าเป็นหน่วยงานรัฐ ส่วนการเดินรถจะจ้างบีทีเอส ทำให้เปิดบริการได้เร็วขึ้น คาดว่าปีนี้จะเปิดช่วง แบริ่ง-สมุทรปราการ ได้ 1 สถานี จากทางแบริ่ง- สำโรง

การจ้างบีทีเอส 30 ปี เดินรถ

โดยแหล่งข่าวจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กทม.จะจ้างบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ทางรัฐวิสาหกิจของ กทม. ได้ติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ เป็นระบบไฟฟ้า การสื่อสาร และเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต 18.7 กม. และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ 12.8 กม. รวม 31.5 กม. เป็นระยะเวลา 30 ปี จากนั้นกรุงเทพธนาคมจะจ้าง บมจ.ด้วยระบบขนส่งทางกรุงเทพ หรือบีทีเอสซี โดยผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้เดินรถให้ 30 ปีเช่นเดียวกัน

วิธีการจ้างเป็นโมเดลเดียวกับที่จ้าง บีทีเอสเดินรถช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง 5.3 กม. และตากสิน-บางหว้า 7.4 กม. โดยจ้างปีต่อปี ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 30 ปี การใช้งบประมาณ กทม. ในส่วนค่าก่อสร้างที่ กทม.ชำระคืนให้ รฟม.จะเป็นเงินกู้ระยะยาวตามที่ รฟม.กู้ไว้เดิม แต่การเปลี่ยนลูกหนี้จาก รฟม.เป็น กทม. การจะหารือกับกระทรวงการคลังว่า กทม.เพื่อจะชำระหนี้คืนได้เมื่อไหร่ เดิมเสนอจะคืนให้ปีที่ 11-30 มีระยะปลดหนี้ 10 ปีแรกของสัมปทาน ตอนนี้ยังมีเวลาเพราะกว่าช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการจะสร้างเสร็จปลายปีนี้ ในส่วนของช่วงหมอชิต-คูคตจะเสร็จปี'63

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับวงเงิน จัดจ้างติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและขบวนรถทั้ง 2 เส้นทาง คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท แยกเป็นช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ 9,120 ล้านบาท และหมอชิต-สะพานใหม่คูคต ประมาณ 20,055 ล้านบาท

ซึ่งก่อนหน้านี้ บีทีเอสเสนอรูปแบบการลงทุนช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต จะลงทุนงานโยธา (ยังไม่รวมศูนย์ซ่อมบำรุง) และงานของระบบรถไฟฟ้า (ไม่รวมตัวรถ) การให้รัฐบาลชำระคืน 10 งวด งวดละ 1 ปี รวม 10 ปี โดยนับจากวันที่เปิดให้บริการให้ครบทุกสถานี ในส่วนช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ทางบีทีเอสซีเสนอลงทุนงานระบบรถไฟฟ้า ไม่รวมตัวรถ ให้รัฐบาลชำระคืน 10 งวด งวดละ 1 ปี รวม 10 ปีเช่นกัน

อีกทั้งบริษัทยังได้เสนอรูปแบบการเดินรถและผลตอบแทนให้พิจารณา โดยตั้งแต่มีการเปิดให้บริการครบทุกสถานีจนถึง 4 ธ.ค. 2572 รวม 15 ปี ในบริษัทขอรับสิทธิ์สัมปทานในการรับรายได้ค่าโดยสารและการใช้พื้นที่เชิงพาณิชย์ และตั้งแต่ 5 ธ.ค. 2572 ไปถึง 4 ธ.ค. 2602 รวม 30 ปี ทางบริษัทจะรับค่าจ้าง ของการเดินรถและบำรุงรักษาระบบ กับได้รับสิทธิ์ในการเข้าใช้พื้นที่เชิงพาณิชย์และ และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยส่วนกรณีผลตอบแทนเฉลี่ยตลอดอายุโครงการเกิน 12% บริษัทจะแบ่งผลประโยชน์ของส่วนที่เกิน 12% ให้กับรัฐบาล

ทุ่มหมื่นล้านซื้อรถเพิ่ม

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา ทางกรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ของระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือทางบีทีเอสซี เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทพร้อมจะเดินรถให้ กทม. เตรียมเงินประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซื้อขบวนรถเพิ่มแล้ว จำนวน 36 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ รวมถึง 144 ตู้ แยกเป็นสำหรับช่วงแบริ่งไปสมุทรปราการ 15 ขบวน และในช่วงหมอชิตไปสะพานใหม่-คูคต 21 ขบวน

ขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดประมูล โดยเชิญ ผู้ผลิตรถไฟฟ้าจากทั่วโลกมาร่วมเสนอราคา อาทิ บริษัท โรเทมส์ (Rotem) และฮุนไดมาจากประเทศเกาหลีใต้, บริษัท CRC จากประเทศจีน กับ บริษัท ซีเมนส์ จากประเทศเยอรมนี, บริษัท บอมบาดิเอร์จากประเทศแคนาดา และ บริษัท อัลสตรอมจากประเทศฝรั่งเศส, บริษัท CAF จากประเทศสเปน ส่วนบริษัท J-TREC กับคาวาซากิ เป็นผู้ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น ไม่คิดสนใจจะเข้าร่วม

สำหรับระบบอาณัติสัญญาณ บริษัทได้ติดตั้งของบอมบาดิเอร์ ซึ่งส่วนต่อขยายทาง กทม.น่าจะใช้ระบบเดียวกัน เพื่อให้การเดินรถไม่สะดุดและง่ายต่อการซ่อมบำรุงในระยะยาว ส่วนการรับจ้างให้เดินรถจากกรุงเทพธนาคมนั้น ยังไม่ได้จะเจรจาในรายละเอียด เราจะจ้างเป็นระยะเวลาเท่าไหร่ แต่เพื่อให้ประหยัดควรจะจ้างเป็นระยะยาว ที่ไม่ใช่รูปแบบสัมปทาน โดยต่ออายุการจ้างทุกปี เช่น 10 ปี 20 ปี 30 ปี

ใช้ค่าจ้างเดินรถจะอ้างอิงระยะเวลาการจ้าง จำนวนรถที่วิ่ง อาจจะเป็นราคาเดียวกับที่ กทม.เคยจ้างบีทีเอสเดินรถส่วนต่อขยาย เพราะงานคล้ายคลึงกัน เฉลี่ยปีละ 1,000 กว่าล้านบาท

หากจ้างบีทีเอสเดินรถ จะทำให้การเดินรถนี้ต่อเนื่องและก็เปิดใช้เส้นทางแบริ่งสมุทรปราการได้เร็วขึ้น จะทยอยเปิดบริการ หลังเริ่มงานใน 1 ปี เปิดได้ 1 สถานี จากแบริ่ง-สำโรง เพราะบริษัทมีขบวนรถเดิมรองรับอยู่แล้ว ระหว่างรอรถขบวนใหม่จะใช้เวลาผลิต 2 ปี โดยเราจะสามารถเปิดได้ตลอดเส้นทางเลยภายใน 2 ปีครึ่ง เราจะทำให้บริษัทมีผู้โดยสารรายใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 2-3 หมื่นเที่ยวคนต่อวัน ที่เข้ามาเติมในระบบเดิมของบีทีเอส ที่มีผู้ใช้บริการเฉลี่ย 7 แสนเที่ยวคนต่อวัน



แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น

Ad Code

Responsive Advertisement